พุทธทำนาย

(วันล้างโลกอธรรม พ.ศ. 2556 ค.ศ. 2013)

(ลิงค์เรื่องใหม่ๆ ที่ Youtube ซึ่งท่านสามารถรับฟังได้ อยู่ตอนท้าย)

พุทธทำนายที่นำมาลงที่เวบ metteya.org นี้เป็นต้นฉบับ แต่จะไม่ถือว่าถูกหรือถือว่าผิด ขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะพิจารณากันเอง

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธทำนายต้นฉบับนี้ เมื่อ พ.ศ. 2540 มีีท่านเจ้าคุณฯ วัดบวรนิเวศวิหาร หรือ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และผู้ใหญ่ระดับสูงหลายท่าน และอาจารย์ที่จุฬาฯ ได้จัดทำตามฉบับที่ไปคัดลอกมาจาก ประเทศอินเดีย และ metteya.org จะแสดง พ.ศ. ตามด้วยปี ที่แก้ไขแล้วกำกัับไว้ด้วย

สำหรับการแปลความหมายในตัวบทพุทธทำนาย อาจไม่เหมือนของท่านอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นความเข้าใจของทาง metteya.org ในการจัดทำเอง ซึ่งท่านใดนำข้อมูลไปใช้ ขอได้ทบทวนตามอัธยาสัย

การทำความเข้าใจพุทธทำนาย จำเป็นต้องศึกษาและวิเคราะห์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตั้งแต่สมัยที่พระพุทธองค์ยังมีพระชนชีพอยู่ และเหตุการณ์ในปัจจุบันตามที่พระผู้มีพระภาคตรัสช่วงเวลาต่างๆ ที่จะเกิดเหตุกาณ์นั้นๆขึ้น แต่สืิ่่งหนึ่งที่ท่านผู้อ่านควรยอมรับข้อเท็จจริงในเรื่องภาษาที่ใช้ี่ เขียนในสมัยพระพุทธเจ้าู่นั้น เป็นภาษาเก่าที่ได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงมาหลายทอดหลายสมัย กว่าจะมาถึงปัจจุบัน ความชัดเจนของการแปลความอาจ ไม่ตรงทีเดียวกับความเข้าใจดั้งเดิม ซึ่งความจริงนี้จะเห็นได้ว่า แม้แต่การแปลความจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งในปัจจุบันด้วยกัน ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ พระผู้มีพระภาคยังตรัส ถึงช่วงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นๆ ขึ้นในปัจจุบันนี้ โดยนับจากเวลาที่ี่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว (พ.ศ.) ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ก่อนว่า ที่องค์การวิชาการทางพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์หลายแห่ง ทำไมบ่งว่า พ.ศ. ไทยยังไม่ถูกต้อง ฉะนั้นจะต้องหาความเป็นจริงว่า พ.ศ. ไทยผิด-ถูกอย่าไร แค่ไหนก่อน

เพื่อให้เห็นความชัดเจนในเรื่อง พ.ศ. จะนำเอาแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ยกมาเป็นตัวอย่างว่า ไม่มีความตรงกันดังนี้

1. UNESCO agrees with the fact that Siddhartha Gautama was born in 623 B.C (์Nirvana 543 BCE)

2. The Cambridge and Oxford histories of India accept 483 B.C as the date of Buddha’s nirvana. He was 80 years old when he died, so this puts his birth year at 563 BCE

3. In January 2006 an Indian historian challenged the historical assertion that Buddha was born between 560-624 BCE. He cites evidence that Buddha was born in 1887 BCE

อ้างอิง: http://harshaindrasena.blogspot.com/2010/03/date-of-birth-of-lord-buddha.html

การวิเคราะห์พุทธศักราช ไทยว่าผิด-ถูกอย่างไร

การที่ พ.ศ.ไทยใช้ 543 + กับปี ค.ศ. นั้นมีหลักฐานปรากฏอยู่ในสีหฬภาษาไหม่ีจริง แต่ไมมีปรากฏในสีหฬภาษาเก่า เรื่องนี้อาจเป็นข้อมูลหนึ่งที่องค์การวิชาการด้านพุทธศาสนาและประวัติ ศาสตร์นั้นๆ ยกขึ้นเป็นประเด็นไม่ยอมรับ พ.ศ. ไทย ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีหลักฐานอื่นๆ ที่ขัดแย้งกับ พ.ศ. ไทย

สำหรับเรื่อง พศ. ที่เวบ metteya.org มี ปธ.๙ และ อาจารย์หลายท่าน ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวในพระไตรปิฎก เรื่องราวในพระพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์อินเดียและกรีก หลักฐานโบราณคดีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว สรุปงานการวิจัยว่า พ.ศ. ที่ควรมีความถูกต้องเป็นเช่นไร และได้ทดลองนำไปใช้ในพุทธทำนาย เห็นว่ามีความสอดคล้องกันกับเหตุการณ์ในปัจจุบันจริง มีความเป็นเหตผล นอกจากนี้ยังมีความสอดคล้องกับคำพยากรณ์ของมายันและอเมริกันอินเดียนเมื่อ ประมาณ 3000 ปีมาแล้ว และยังสอดคล้องกับคำทำนายโลกอื่นๆ เกี่ยวกับการมาปรากฏของพระธรรมมิกราช ทำให้เกิดศรัทธาในพุทธทำนายยิ่งขึ้น แต่เรื่องนี้ใครจะเห็นเป็นอย่างอื่นก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล

การวิเคราะห์ พ.ศ. ไทย มีหลายวิธี จะขอยกตัวอย่างการวิเคราะห์์โดยหา พ.ศ. ที่แท้จริงด้วยการใช้นับจากเวลาของการสังคยานาดังนี้

ขอเริ่มด้วยการสังคายนาครั้งที่ 3 กระทำหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ไปแล้ว 234 หรือ 235 ปี หลังจากพระเจ้าอโศกมหาราช ขึ้นตรองราชแล้ว 16 - 17 ปี หรือสรุปว่า 218 ปี หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน จากประวัติศาสตร์ของอินเดียและกรีกและในช่วงพระเจ้าอโศกมหาราช สรุปได้ว่าพระเจ้าอโศกมหาราชขึ้นครองราชประมาณ 269 ฺBCE ฉะนั้นสรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานเมื่อ 487 BCE. โดยประมาณ

และถ้าจะมีพุทธทำนายฉบับอื่นใดที่แตกต่างไปจากพุทธทำนายต้นฉบับนี้ เวบ metteya.org ไม่ขอแสดงข้อคิดเห็นใดๆ

เนื้อเรื่องพุทธทำนาย*


โดยที่คณะธรรมทูตไทย ผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ( ไม่ต้องปรับแก้ ) ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนายจากศิลาจารึกเขตมหาวิหารในสวนมฤคทายวัน แปลได้ดังนี้ "สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาแก่สัตว์โลก ซึ่งเกิดมาล้วนแต่ลำบากยิ่งนัก ในคราวที่พระองค์ไกล้ถึงพระชนมายุย่างเข้าพระปรินิพานตามกาลเวลา จึงตรัสแก่พระอานนท์ผู้ศิษย์อันสนิทพากเพียรพยาบาลว่า

ดูกรอานนท์ สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาล้วนแต่ลำบากทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติที่หมุนเวียนของโลก โลกหมุนไปใกล้ความแตกทำลายจนถึงสมัยที่ตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๕๐๐๐ ปี เมื่อโลกไปใกล้กึ่งจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้ ( คือ ก่อนปี ๒๕๐๐ ปี หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ) มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทิศเสียครึ่งหนึ่ง ( สิ่งนี้ถ้าจะเดา น่าจะหมายถึง ก่อนปี พ.ศ. 2548 มาแล้ว ผู้คนครึ่งหนึ่งของโลกจะได้รับภัยพิบัติเสียครึ่งหนึ่ง )

พ.ศ. 2533 – 2563 : ช่วงในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น ยักษ์หิน ถูกสาป ( คนไม่ดี มีจิตใจเช่นยักษ์ ) ให้หลับก็กลับคื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งหนัก เมื่อใกล้กึ่งศาสนาของตถาคต ก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี และมนุษย์นอกศาสนาก็จะรบราฆ่าฟัน กันถึงเลือดนองแผ่นดินและแผ่นน้ำ แม้ในอากาศก็มี อำนาจภัยจากฟ้าทุกทิศานุทิศ ไฟจะลุกลามเผาผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับเหมือนยักษ์ กระหายเลือด แผ่นดินแผ่นน้ำจะเดือดเป็นไฟ และตายกันไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยของยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งกำเนิดมจากสัตว์ป่าอำมหิต
( อธิบาย : ผูู้้มีพระภาคตรัสเกี่ยวกับก่อนกึ่งพุทธกาล หรือปี 2500 หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ว่า ก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ผู้คนนอกศาสนาพุทธ ได้สู้รบกัน และที่รู้จักดีคือทั้ง สงครามโลกครั้งที่ 1 และที่ 2 ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก แม้การต่อสู้ทางอากาศ มีลูกระเบิดจากเครื่องบินทำให้เกิดเป็นเพลิงเผาพลานไปทั่ว ทางพื้นน้ำก็มีการสู้รบกันทางเรือ ทั้งสองฝ่ายต่างเสียชีวิตเป็นอันมาก และแล้วก็เลิกรากัน )

ส่วนศาสนิกชนผู้ขวนขวายในทางบุญตามเดิม วัจนะของตถาคต ก็จะสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดที่เคารพสักการะพระศรีมหาโพธิ์และ กาสาวพัสตร์จะได้รับวิบัติเบาบางลง แต่จะหนีธรรมชาติไม่พ้น ( พระผู้มีพระภาคตรัสถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่กล่าวแล้วข้างต้นว่า มนุษย์ต้องเผชิญภัยพิบัติต่อไป )

เริ่มแต่ศาสนาตถาคตล่วงมาได้ ๒๔๘๕ ปี ( พ.ศ. 2533 ) เป็นต้นไป ไฟจะลุกมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม ( อธิบาย : พระสงฆ์ ครูอาจารย์ทางพุทธศาสนาเสื่อมลงตามทีพระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว ศาสนาและลัทธิอื่นเข้ามาเผยแพรในแดนพระพุทธศาสนา่ เดียรถีย์เพิ่มพูล ) สมณชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ ( จากการวิเคราะห์ อาจเดาว่า พระผู้มีพระภาคน่าจะตรัสถึง สมณชีพราหมณ ที่ประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จะอดยากยากเข็ญ เพราะไม่มีผู้นิยม ) คนบ้านจะเข้าป่า ( อธิบาย : คนในเมืองบุกรุกป่า มีทั้งจับจองที่ดิน และหาผลประโยชน์จากป่า ) สัตว์ป่าจะเข้ากรุง ( สัตว์ป่าไม่มีทีหากิน เข้ามาหากินตามไร่สวนรบกวนผู้คน ) เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำ ( เกิดมลพิษต่างๆ )

สงครามจะทั่วทิศ ( สงครามในรูปแบบต่างๆ จะเกิดขึ้นมากมาย ) ศึกจะติดเมือง ( สงครามนั้นๆ อยู่ในเมืองนี่เอง ) ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง ( คอร์รัปชั่นจักเกิดมาก ) ปราชญ์เปรื่องจะสิ้นสูญ ( คนดีมีวิชาความรู้ไม่มีปากเสียง ) ราชตระกูลอำมาตย์ ราษฎรทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรม ไม่เคารพหลักธรรม โดยปรวนแปรนิยมเชื่อถือถ้วยคำของคนโกง คนกล่าวคำเท็จ คนประจบสอพลอย่อมได้รับการเชื่อถือในท่ามกลางสังคมสันนิบาต ( อธรรมจะได้รับการยกย่อง เชื่อถือ )

ผู้ดีมีศีลธรรมประพฤติชอบไม่มีเสียง ( แต่ผู้ยึดถือพระธรรมะจะเป็นใบ้ ) จะเกิดการจลาจลวุ่นวาย ลูกจะพลัดแม่ แม่จะพลัดจากลูก ( ลูกและพ่อแม่จะแยกกันอย ู่) โคกจะเป็นน้ำ ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมืองจะเข้าไพร เทวดาจะเรียกแมลงบี้เหล็กโกฏิหนึ่งผีเสื้อแสนหนึ่งมาปล่อยแสนหนึ่งมาปล่อย ไข้เป็นไฟผลาญ ( สรุปว่าเมืองหลวงจะเต็มไปด้วยสิ่งไม่ดีต่างๆ นาๆ )

( ในส่วนต่อไปนี้ ได้สรุปมาจากการศึกษาพระสูตรและเรื่องราวเกี่ยวกับพระศรีอาริยเมตไตรย [ พระศรีอารย์ ] และคำพยากรณ์ต่างๆ ซึ่งกล่าวไว้ตรงกัน ซึ่งการวิเคราะห์สรุปได้ว่าเป็นทางสองแพร่ง ซึ่งตรงกับการทำนายของโลก ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว )

ทางสองแพร่งเป็นอย่างไร ที่ได้มาจากการวิเคราะห์วิจัยตามหลักฐานและวิชาการ สรุปคือ

1. ทางที่หนึ่งเกิดสันติสุขขึ้น โดยการนำของพระศรีอารย์ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในส่วนต่อไป พระศรีอารย์เป็นพระจักรพรรดิ ไม่ใช่ศาสดา ศาสนาพระศรีอารย์จึงไม่มี พระ ศรีอารย์จะมานำผู้คนสร้างสันติสุข และช่วยให้เป็นคนดีมีศีลธรรม ทุกคนจักมีกินมีใช้ มีที่อยู่อาศัยไม่ลำบาก กิจการงานก็ไม่ต้องแข่งขัน มีการชวยเหลือซึ่งกันและกันตามพรหมวิหาร 4 เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนก็จะทำอะไรไม่รีบร้อน ไม่ต้องแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน ( ตามที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า "คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน" ) ทุกคนมีสติ มีสมาธิ เกิดปัญญากันทั่วหน้า เพื่อการปรับเข้าสู่ยุคทองที่มีคนดีทั้ง 4 ส่วน เหตุการณ์นี้จักเกิดอย่างช้าสุดในปี พ.ศ. 2555 ถ้าสิ่งดีงามไม่เกิดในปีนี้ ปี พ.ศ. 2556 ก็จะเกิดโลกาวินาศ ซึ่งคำทำนายโลกต่างๆ และมายันยังทำนายละเอียดถึงวันโลกาวินาศไว้ที่ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งคงไม่ได้ต่างอะไรมากนักกับปี พ.ศ. 2556 ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เรื่องนี้ไม่สนับสนุนให้ใครเชื่อ แต่นำมาแสดงไว้ตามข้อมูลของพุทธทำนาย

2. ทางที่สอง ถ้าผู้้คนไม่สนใจการมาปรากฏของพระศรีอารย์ ก็จะเกิดโลกาวินาศขึ้นบนโลก ในปี พ.ศ. 2556
( ทำไมถึงต้องเกิดโลกาวินาศ การเป็นเช่นนี้เพราะคนในปัจจุบัน มีคนดีเพียง 1 ใน 4 ของประชากรโลก ดังนั้นโลกาวินาศทจะเกิดขึ้นเพื่อล้างโลก ล้างคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม และคัดเฉพาะคนดีเข้าสู่ยุคทอง นอกนั้นจะถูกส่งไปนรกภูม [ เรื่องดังมีกล่าว มีในพยากรณ์ของโลกที่สามารถค้นหาเองได้ ทั้งทั้งของมายัน และของศาสนาต่างๆ ที่ได้กล่าวไว้ตรงกัน จนเป็นที่น่าสังเกตุว่า ทำไมคำทำนายเหล่านี้ต่างทั้งเวลาและสถานที่ ถึงได้กล่าวเป็นคำทำนายไว้ตรงกัน ] )

เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงมาได้ ๒๕๐๗ ( ปีมะโรง พ.ศ. 2555 ) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน ( ดังได้อธิบายไว้เบื้องต้นแล้ว )

ล่วงได้ ๒๕๐๘ ( ปีมะเส็ง พ.ศ. 2556 ) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล ( น่าจะเกิดโลกาวินาศ ถ้าผู้คนไม่สนใจพระศรีอารย์ และมนุษย์ยังถูกซ้ำเติมต่อไปในปี พ.ศ. 2560 ผู้มีศีลธรรมจะอยู่รอด )

ล่วงได้ ๒๕๑๒ ( ปีระกา พ.ศ. 2560 ) เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ บุคคลเจริญด้วยเมตตา กรุณา ไม่เบียดเบียนข่มเหงอิจฉาพยาบาทและไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม และยึดถือคาถาของตถาคตจะพ้นภัยพิบัติ
ให้ เจริญภาวนาดังนี้ "หิตะชิราทัน มันกะโลอังคะ ศิลากะละสา สาสะสะติ โหตะถิ โหคะหะคะเน" ให้ท่องบ่นภาวนาเป็นนิจ ให้จดอักษรใส่กระดาษหรือผ้าขาวปิดไว้หน้าบ้าน หัวนอน หรือพันศรีษะไว้ สารพัดภัยพินาศ สันติประสิทธิ์

ดูกรอานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้นที่มีอายุขัยอยู่ได้ไกล้ยุคกึ่งยุคลลาย

เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงมาได้ ๒๕๑๒ ( ต่อจากปลายปีระกา ปีจอ พ.ศ. 2560 ) พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ ( ปีชวด พ.ศ. 2563 ) นับพ้นระยะปี ๓๐ ปี ( จาก พ.ศ. 2533 - 2563 ) พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก อธรรมแพ้ในที่สุด ( เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2563 )

ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม ธรรมจะชนะ พระจะอยู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ ( ตรงกับพยากรณ์อื่น เช่นในระหัสลับดาวินซี ) ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรมและชีวิตผาสุก

ส่วนนี้พระผู้มีพระภาคตรัสถึง พระมหาเถรโพธิิสัตว์ และพระธรรมมิกราช ดังมีความดังนี้

มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์ องค์หนึ่งจะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระโพธิสัตว์ ( การตีความ แสดงว่า พระธรรมมิกราช นั้นอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหาเถรโพธิสัตว์ ) ทั้งสององค์นั้น จะจัดการบำรุงศาสนาของตถาคต ในระยะนี้เป็น "ยุคศิวิไล" ( ตรงคำทำนายโลกอื่นๆ และสมเด็จพุทฒาจารย์ [ โต ] พรหมรังสี )

พระมหาเถระโพธิสัตว์ จะเกิดในสมัยของตถาคตล่วงมาแล้ว ๒๔๕๔ ปี (พ.ศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงแสดงถึงความเป็นพระมหาโพธิสัตว์ และในเวลาปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.9 และในเวลาปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหาเถรโพธิสัตว์โดยสมบูรณ์)

เมื่อล่วงได้ ๒๔๖๗ ถึง ๒๔๘๖ ( พ.ศ. 2515 - 2534 ) พระมหากษัตริย์ธรรมิกราชจะมาเกิด (ท่านอินทรา คนไทยในพุทธศาสนา มีถิ่นฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้อธิฐานบุญอันแรงกล้าในปี พ.ศ. 2534 และท่านอินทรารู้อมตธรรมด้วยตนเอง ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2535 หลังค้นหามากว่า 40 ปี จึงนับว่าพระธรรมมิกราช ได้เกิดขึ้นแล้ว )

ทั้งสองพระองค์นั้นสถิตอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชฌิมประเทศ ( อธิบาย : พระโพธิสัตว์สองพระองค์จะอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชณิมประเทศ หรือกล่าวได้ว่าเป็นไปในภาคกลางของประเทศเขตชมพูทวีป หรือทวีปของพระพุทธศาสนา มาทางทางตะวันออกที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เมืองที่ประทับดังกล่าวคือ กรุงเทพมหานครฯ ของประเทศไทย )

ระหว่างปีจอปีกุน เมื่อศักราช ๒๕๑๓ กับ ๒๕๑๔ ( พ.ศ. 2561 – 2562 เหล่าประชาราษฎรขอถวายพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จงพระองค์จงทรงพระเจริญ ทรงมีพระพลามัยที่แข็งแรงขึ้นเป็นพระประมุขของแผ่นดิน ยิ่งยืนนานตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ ) ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้นจะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้เที่ยงแท้สมณชีพราหมณ์ จะเสด็จมา ๘๔,๐๐๐ รูป

ดูกรอานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที ( ยกของเดิมมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 - 2563 = 30 ปี ) พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก ( นี่ี่คือคำตอบ "เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที" เพราะพวกไม่มีศีลธรรมได้หมดไปจากโลกหมดแล้ว )

คำทำนายของตถาคตนี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ใน ความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อ ๆ ไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา ผู้ใดปรารถนาจะได้เห็นหรือทันมีบุญ ให้รักษา ศีลห้าประการหนึ่ง ยำเกรงบิดามารดา รู้จักบุญคุณท่านผู้มีคุณหนึ่ง ให้เจริญภาวนาในพรหมไตรสภาพหนึ่ง คาถาว่าดังนี้

พุทธิทุกขัง อนิจจัง อนัตตา นโมสัพพราชา ขัตติโย อิติ ปารมิตา ตึสา อิติ สัพพัญญุมาคตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จ เต นโม"


ใหม่ โปรดคลิก ลิงค์ไปยังวีดีโอ ทำไมโลกวิปริต ความจริงที่พิสูจน์ได้
และปี 2556 จะเป็นอย่างไร

 

ไปหน้าแรกของ www.metteya.org : Copyright 2000, 2009, 2010 (พ.ศ. 2543, 2552, 2553, 2555)